โดยโรคไข้เลือดออกถือเป็นโรคติดต่อที่มีสาเหตุโดยตรงมาจากการที่โดนยุงลายตัวเมียกัด หลังจากที่ยุงกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดแล้ว ในเฉพาะช่วงเวลาที่ไข้กำลังขึ้นสูง ทำให้เชื้อไวรัสไปมีผลโดยตรงในส่วนของกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง โดยที่มันพร้อมที่จะสามารถเป็นพาหะในการนำตัวเชื้อไวรัสไปแพร่กระจาย และติดต่อยังผู้อื่นได้ จากคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะมีการแนะนำว่าให้ควรระวังกับเด็กเล็กเป็นพิเศษ โดยโรคนี้มักจะระบาดอย่างหนักในช่วงฤดูฝน
สำหรับเชื้อไวรัสที่เราพบในยุงก็คือ เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue Virus) สำหรับเชื้อไวรัสตัวนี้จะมีด้วยกัน 4 ชนิดหลัก ๆ นั่นก็คือ
-
-
- DEN1
- DEN2
- DEN3
- DEN.4
-
ซึ่งจะมี Antigen ในบางส่วนที่สามารถทำให้เกิดขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง และจะสามารถเกิดภูมิคุ้มกันต่อเชื้ออีกชนิดหนึ่งได้อีกด้วย แต่ภูมิคุ้มกันชนิดดังกล่าวจะสามารถอยู่ได้ในช่วงเวลาที่จำกัด เพราะจะสามารถอยู่ได้ 6-12 เดือน แต่ถ้าหากเป็นภูมิที่เกิดขึ้นโดยตรงกับเชื้อชนิดนั้น จะสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
วิธีสังเกตตนเอง ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ มีโอกาสที่จะเป็นโรคไข้เลือดออก
อาการเบื้องต้นจะมีลักษณะมีไข้สูงเฉียบพลัน และมีอาการข้างเคียงในส่วนของ ใบหน้า ศีรษะ โดยที่จะมีผลให้มีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน แต่นี่คืออาการเริ่มต้นเพียงเท่านั้น โดยวันนี้เรามีขั้นตอนของอาการที่มักจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นอาการเสี่ยงที่มีโอกาสที่จะเป็นไข้เลือดออก โดยอาการจะมีดังต่อไปนี้
- มักจะมีไข้ขึ้นสูงอย่างเฉียบพลัน โดยที่ไข้อาจจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นช่วงที่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
- เบื่ออาหาร ปวดและเวียนศีรษะ มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว สามารถสังเกตว่าใบหน้าจะมีอาการแดง
- สำหรับในบุคคลที่มีภาวะของเกล็ดเลือดต่ำ อาจจะสามารถมองเห็นได้ถึงจุดเลือดสีแดงเล็ก ที่จะขึ้นตามผัวหนังในส่วนต่าง ๆ เนื่องจากมีเลือดออกตามผัวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุของชื่อ โรคไข้เลือดออก
- ในบางคนอาจจะมีอาการปวดท้องแทรกเข้ามา โดยสาเหตุก็คือการที่ในช่วงเวลานั้นจะมีตับที่โตผิดปกติภายในช่องท้อง
- สำหรับอาการที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลที่เป็นโรคไข้เลือดออกนั้น จะมีอาการที่แตกต่างกันไป บางคนมีอาการหนัก บางคนมีอาการเบา แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีอาการที่ไม่ได้หนัก และสามารถหายเองได้