วิธีทำส้มตําปูปลาร้าให้อร่อย

338

ส้มตำปูปลาร้า หนึ่งในเมนูอาหารอีสานที่มีรสจัดจ้าน เป็นเมนูโปรดของใครหลายๆ คน ที่มีรสชาติ และสีสันที่ครบรสน่ารับประทาน จนหลายคนมักจะมีเมนูส้มตำปูปลาร้าอยู่ในเมนูอาหารในทุกวันเกือบทุกมื้อ ซึ่งแต่ละร้านที่ทานก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นการจะทำให้อร่อย และถูกปากผู้ทานมากที่สุด ก็คือการทำทานเอง ซึ่งจริงๆ แล้ววิธีทำส้มตําปูปลาร้าให้อร่อย ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบที่ดี เลือกใช้เครื่องปรุงที่ได้มาตรฐาน ปรุงแต่งด้วยรสชาติที่ต้องการ ก็จะได้ส้มตำปูปลาร้าที่ถูกปากได้อย่างแน่นอน โดยที่วันนี้เราได้นำเอาวิธีทำส้มตําปูปลาร้าให้อร่อย มาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน เป็นเมนูโปรดที่สามารถทำทานได้กับทุกคนในครอบครัว

วัตถุดิบในการทำส้มตำปูปลาร้า (สูตรคอยแคลง และหมูยอ)

  • มะละกอสับ 150 กรัม
  • แครอทสับ 60 กรัม
  • ปูดอง 2 – 3 ตัว
  • หอยแครงลวกสุก 15 – 20 ตัว
  • หมูยอลวกสุก 100 กรัม
  • มะเขือเทศสีดา 2 – 3 ลูก
  • มะเขือเทศเปราะ 4 – 5 ลูก
  • พริกแห้ง 4 – 6 เม็ด
  • พริกขี้หนู 4 – 6 เม็ด
  • กระเทียม 8 – 10 กลีบ
  • น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลปึก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาร้าต้มสุก  2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำส้มตําปูปลาร้าให้อร่อย ที่สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน

  • นำกระเทียมกับพริกที่เตรียมไว้มาตำให้พอแหลก จากนั้นให้ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำตาล และน้ำมะนาว ก่อนที่จะใส่ปูดองตามลงไปตำ ก่อนที่จะชิมอีกครั้ง ก่อนที่จะปรุงรสชาติที่ต้องการเพิ่มเข้าไป
  • หลังจากที่ปรุงรสตามความชอบแล้ว ให้ใส่มะเขือตามลงไป แล้วให้คำให้พอแหลก คลุกเคล้าอีกครั้งเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วตามด้วยหอยแคลง และหมูยา
  • ตบท้ายด้วยการใส่มะละกอ และแครอทที่เตรียมไว้ ตำให้เข้ากันอีกครั้ง ซึ่งขนาดของเส้นมะละกอ และแครอทก็ขึ้นอยู่กับความชอบ รวมไปถึงปริมาณที่ต้องการใส่ลงไป
  • จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟคู่กับผักเคียงต่างๆ ข้าวเหนียว และเส้นขนมจีน

เพียงเท่านี้ก็จะได้ส้มตำปูปลาร้าสูตรอร่อยที่สามารถทำไว้รับประทานภายในครอบครัวได้แล้ว จะเห็นได้ว่าส่วนผสมต่างๆ ที่นำมาใช้สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ โดยที่วัตถุดิบก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความชอบ และช่วงเวลา เพียงเท่านี้ก็จะได้ส้มตำปูปลาร้าเครื่องแน่นๆ ที่ต่อให้อยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ก็สามารถแซ่บ และฟินได้แล้วนั่นเอง