4 ผักสุดเจ๋ง มีประโยชน์ต้านเบาหวานได้ดี

2

ปัจจุบันเราพบว่ามีผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน การทำงานหนัก จนไม่มีเวลาออกกำลังกาย รวมถึงยังพักผ่อนไม่เพียงพอ สำหรับคนที่ไม่อยากเจ็บป่วยเริ่มหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถต้านการเกิดโรคเบาหวานได้

ผักชนิดไหนต้านเบาหวานได้ 

1.ชะพลู 

มีงานวิจัยมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศกล่าวถึงฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือด พบว่าน้ำชะพลูลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่เป็นเบาหวานได้ แต่ไม่สามารถลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายปกติได้ ทั้งนี้ ถ้ากินเป็นผักหรือเป็นอาหารก็มีความปลอดภัย แต่ถ้ากินเป็นยาเพื่อหวังผลในการลดน้ำตาล หากต้องการรับประทานก็ควรสังเกตอาการด้วยว่ามีอาการน้ำตาลตกไหมถ้ามีไม่ควรทานใบชะพลู อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต เพราะใบช้าพลูมีส่วนประกอบของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) ซึ่งการกินในปริมาณมาก จะไปสะสมที่ไต และทำให้ไตทำงานหนักขึ้น 

2.มะระขี้นก 

มะระขี้นก จะมีรสขมมากกว่ามะระจีน และพบว่ามีผลกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการสร้างกลูโคส ทำให้มีผลลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้คือ คั้นน้ำจากผลสดมื้อละ 2-3 ผล โดยเอาเมล็ดในออก ผสมน้ำ หรือนำเนื้อมะระหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาชงกับน้ำเดือด (มะระ 1-2 ชิ้น ต่อน้ำ 1 ถ้วย) วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร มะระที่สุกแล้วจะมีสารซาโปนิน (Saponin) ในปริมาณมาก การรับประทานอาจทำให้มีอาการอาเจียน ท้องร่วงได้ ดังนั้น ควรรับประทานผลอ่อน และทานในปริมาณที่พอดี เพราะความขมจัดของมะระขี้นก อาจทำให้ตับทำงานหนักขึ้น  

3.ผักเชียงดา 

มีผลช่วยป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล ฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน และลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้ให้ใช้ใบแห้งชงดื่มเป็นน้ำชา ครั้งละ 4 กรัม วันละ 2-3 ครั้ง หรือรับประทานเป็นผักในมื้ออาหาร 

4.ตำลึง 

จากการทบทวนผลการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ของทีมนักวิชาการจาก Harvard Medical School พบว่า ตำลึงแสดงผลการลดน้ำตาลทั้งในสัตว์ทดลองและในคน ตำลึงให้ผลลดน้ำตาลทั้งส่วนที่เป็นใบ ราก ผล โดยใช้เถาแก่ๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ หรือน้ำคั้นจากผลดิบ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น 

มะระขี้นก ใบชะพลู ผักเชียงดา และตำลึง เป็นผักที่สามารถหารับประทานได้ง่าย นอกจากจะทานสดได้แล้ว ยังสามารถนำมาประกอบปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู ช่วยให้รับประทานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญอย่าลืมว่าผักไม่ใช่ยารักษาโรค ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังและพักผ่อนให้เพียงพอ